การพัฒนา IQ ของเด็กๆ
คำว่า IQ นั้นย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึงความสามารถทางเชาวน์ปัญญา อันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้
IQ จะแสดงออกให้เห็น ผ่านทางพฤติกรรมต่างๆ
IQ เป็นสิ่งที่ได้ถูกกำหนดมาจากพันธุกรรม
ตลอดไปจนถึง สภาวะสิ่งแวดล้อม
คนคิดคำว่า IQ เป็นคนแรกก็คือ นายวิลเลียม สเตอร์น
เพื่อเป็นการบ่งถึง ระดับเชาวน์ปัญญาของบุคคลแต่ละบุคคล
โดยใช้สูตรคือ IQ = [ อายุสมอง (Mental Age) / อายุจริง (Chronologic Age) ] * 100
iq kid [digital drawing by pramote] |
IQ 144 ขึ้นไป = อัจฉริยะ (Genius)
IQ 130 - 144 = ดีเลิศ
IQ 120 - 129 = ดี
IQ 110 - 119 = ค่อนข้างดี
IQ 90 - 109 = ปกติ
IQ 80 - 89 = ค่อนข้างด้อย
IQ 70 - 79 = ด้อย
IQ ต่ำกว่า 70 = ปัญญาอ่อน
- ตามปกติแล้ว เด็กๆควรมีไอคิว ในระดับ 90-110
แต่พบว่า เด็กไทย อายุ 6-12 ปี มีไอคิวโดยเฉลี่ย 88.05
อายุ 13-15 ปี มีไอคิวโดยเฉลี่ยที่ลดลงเหลือ 86.72
.....................................................................................................................
-หากพ่อแม่ผู้ปกครองพบว่า บุตรหลานของตน มีไอคิวที่ต่ำกว่าเกณฑ์
ก็ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไป น่าไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหวังไปเลยเสียทีเดียว เพราะว่า
ไอคิวของเด็กๆนั้นเราสามารถ พัฒนาให้เพิ่มขึ้นได้
พ่อแม่ ผู้ปกครองนั้นสามารถให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาไอคิวของเด็กๆได้ โดย
- จัดสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อเป็นการกระตุ้น ให้เด็กๆเกิดการเรียนรู้
- ใส่ใจ และสังเกตุ พฤติกรรมของเด็กๆ ว่ามีพัฒนาการที่สมวัยหรือไม่
สามารถสังเกต เฝ้าระวังความผิดปกติ หรือพัฒนาการที่ล่าช้าของลูก
โดยไม่ปล่อยปละละเลย เช่น เมื่อเด็กมีอายุ 2 ขวบ แต่ยังพูดไม่ได้
ก็ไม่ควรคิดไปเองว่า เมื่อถึงเวลา แล้วเด็กจะพูดได้เอง
- เด็กๆแรกเกิด จนถึง 3 ขวบ จะมีพัฒนาการทางสมองที่เร็วมาก
ดังนั้น สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู เด็กก่อน 3 ขวบจึงมีความสำคัญ
ช่วงทารกถึงสามขวบปีแรก
นับเป็นช่วงเวลาวิกฤต ที่จะปูพื้นฐานโครงสร้างของสมองให้แข็งแรง
เพื่อเป็นรากฐาน ของเด็กที่มีไอคิวดี ในวันข้างหน้า
หากคุณพ่อคุณแม่ละทิ้งโอกาสนี้ ก็จะไม่สามารถหวน เวลากลับมาแก้ตัวได้อีก
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำในช่วงนี้ก็คือ การกอด
และ ให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- อาหารการกิน ข้อมูลจากจิตแพทย์พบว่า สารไอโอดีนจะช่วยเพิ่มไอคิวให้เด็กได้
ในช่วงที่เด็กมีอายุ 0-2 ปี หากว่าเด็ก ได้รับสารไอโอดีนในช่วงวัยนี้
ไอคิวของเด็กก็จะเป็น 100 จุดในช่วง 2 ปีของอายุ
และถ้าเด็กอายุ 3-12 ปี การได้รับสารไอโอดีนจะทำให้ไอคิวเพิ่มเป็น 100 จุดภายใน 5 ปี
สารไอโอดีนจะได้มาจาก อาหารจากทะเลทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นพืชทะเล สัตว์ เช่น ปลาทะเล สาหร่ายทะเล กุ้ง หอย ปู ฯลฯ
ข้อมูลอ้างอิง :
-กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
-http://pacific.cp.eng.chula.ac.th/
About the Author:
Pramote Patana :Creator of the work.
Pramote Patana :Blog Administrator
ก็ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไป น่าไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหวังไปเลยเสียทีเดียว เพราะว่า
ไอคิวของเด็กๆนั้นเราสามารถ พัฒนาให้เพิ่มขึ้นได้
พ่อแม่ ผู้ปกครองนั้นสามารถให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาไอคิวของเด็กๆได้ โดย
- จัดสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อเป็นการกระตุ้น ให้เด็กๆเกิดการเรียนรู้
- ใส่ใจ และสังเกตุ พฤติกรรมของเด็กๆ ว่ามีพัฒนาการที่สมวัยหรือไม่
สามารถสังเกต เฝ้าระวังความผิดปกติ หรือพัฒนาการที่ล่าช้าของลูก
โดยไม่ปล่อยปละละเลย เช่น เมื่อเด็กมีอายุ 2 ขวบ แต่ยังพูดไม่ได้
ก็ไม่ควรคิดไปเองว่า เมื่อถึงเวลา แล้วเด็กจะพูดได้เอง
- เด็กๆแรกเกิด จนถึง 3 ขวบ จะมีพัฒนาการทางสมองที่เร็วมาก
ดังนั้น สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู เด็กก่อน 3 ขวบจึงมีความสำคัญ
ช่วงทารกถึงสามขวบปีแรก
นับเป็นช่วงเวลาวิกฤต ที่จะปูพื้นฐานโครงสร้างของสมองให้แข็งแรง
เพื่อเป็นรากฐาน ของเด็กที่มีไอคิวดี ในวันข้างหน้า
หากคุณพ่อคุณแม่ละทิ้งโอกาสนี้ ก็จะไม่สามารถหวน เวลากลับมาแก้ตัวได้อีก
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำในช่วงนี้ก็คือ การกอด
และ ให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- อาหารการกิน ข้อมูลจากจิตแพทย์พบว่า สารไอโอดีนจะช่วยเพิ่มไอคิวให้เด็กได้
ในช่วงที่เด็กมีอายุ 0-2 ปี หากว่าเด็ก ได้รับสารไอโอดีนในช่วงวัยนี้
ไอคิวของเด็กก็จะเป็น 100 จุดในช่วง 2 ปีของอายุ
และถ้าเด็กอายุ 3-12 ปี การได้รับสารไอโอดีนจะทำให้ไอคิวเพิ่มเป็น 100 จุดภายใน 5 ปี
สารไอโอดีนจะได้มาจาก อาหารจากทะเลทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นพืชทะเล สัตว์ เช่น ปลาทะเล สาหร่ายทะเล กุ้ง หอย ปู ฯลฯ
พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรส่งเสริมความฉลาดของลูกน้อยให้ค่อยๆเกิดขึ้นมาตามลำดับ
ด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีการเลี้ยงดู เอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
มีการสัมผัสโอบกอด พูดคุย มีการเล่นหยอกเย้า
ให้ความอบอุ่น ให้ความรักและความผูกพัน
การกอดให้ความรัก อาหารที่ดีมีประโยชน์ และอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
คือองค์ประกอบ ของการพัฒนาไอคิว
การพัฒนา ไอคิวให้กับเด็กๆของเรา พ่อแม่ ผู้ปกครอง จะต้องลงทุนด้วยเวลา
ตั้งแต่เมื่อแรกเกิด จนเมื่อถึงวัยประถม เด็กๆของเราจะได้ไม่ตกเกณฑ์
หากเรารัก ห่วงใย เด็กๆของเราอย่างจริงแท้
พ่อแม่ ผู้ปกครองก็จะต้องยอมลงทุน นะครับ
ข้อมูลอ้างอิง :
-กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
-http://pacific.cp.eng.chula.ac.th/
About the Author:
Pramote Patana :Creator of the work.
Pramote Patana :Blog Administrator
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น